Feminine
การดูแลจุดซ้อเร้นให้มีสุขภาพที่ดี
ปัจจัยหลักมีด้วยกันอยู่ 2ข้อค่ะ
- รักษาความสะอาดให้สม่ำเสมอ-ไม่อับชื้น
- ความเป็นกรดอ่อนๆของ ภายในจุดซ้อนเร้นเป็นเรื่องสำคัญมาก
ความเป็นกรดอ่อน ภายในจุดซ้อนเร้นมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคร้ายได้ แต่ถ้ามีความเป็นกรดมากเกินไป จะเกิดภาวะตั้งครรภ์ได้ยาก pH ของจุดซ้อนเร้นจะอยู่ที่ 3.8-4.5 ในสภาวะปกติ
- จุลินทรีย์ดีในร่างกายที่ป้องกันการติดเชื้อที่จุดซ้อนเร้นคือ LACTOBACILLUS ACIDOPHILUS เป็นจุลินทรีย์ดีที่สร้างสมดุลย์ให้มีความเป็นกรดอ่อนได้ รวมไปถึงอาหารของจุลินทรีย์ที่ดีจะเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ดี ภายในจุดซ้อนเร้น
- การทำความสะอาดของจุดซ้อนเร้น สารฟองที่ใช้ต้องผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคืองต่อผิว และถ้าผลิตจากธรรมชาติได้ก็จะดีมาก
PROBIOTIC สำหรับจุดซ้อนเร้น (Lactobacillus acidophilus)
เป็นแบคทีเรียโปรไบโอติกอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในลำไส้ของมนุษย์และอาหารหมักดองบางชนิด มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่ : สุขภาพทางเดินอาหาร: L. acidophilus ผลิตเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยแลคโตส น้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสหรือย่อยแลคโตสได้ยาก
สุขภาพทางเดินอาหาร: L. acidophilus ช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้โดยการผลิตกรดแลคติกและสารอื่น ๆ ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
การทำงานของภูมิคุ้มกัน: L. acidophilus ได้รับการพิสูจน์ว่ามีผลต่อภูมิคุ้มกัน ซึ่งหมายความว่าสามารถช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันได้ อาจเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการติดเชื้อบางชนิด
สุขภาพของผู้หญิง: L. acidophilus เป็นที่รู้จักกันในการส่งเสริมสุขภาพของช่องคลอดโดยการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในช่องคลอด ช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในช่องคลอด (เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรียและการติดเชื้อยีสต์) และสนับสนุนสุขภาพช่องคลอดโดยรวม
การจัดการคอเลสเตอรอล: การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่า L. acidophilus อาจมีผลดีต่อระดับคอเลสเตอรอล อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและ LDL (ไม่ดี) ซึ่งอาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
โรคอุจจาระร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ: L. acidophilus มักใช้เป็นมาตรการป้องกันโรคท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อยาปฏิชีวนะทำลายสมดุลตามธรรมชาติของแบคทีเรียในลำไส้ การใช้ L. acidophilus ร่วมกับยาปฏิชีวนะสามารถช่วยรักษาจุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสุขภาพดีขึ้นและลดความเสี่ยงของอาการท้องร่วง
งานวิจัยดังกล่าวมีผลการศึกษาที่สอดคล้องกับงานวิจัยที่ได้ทำการศึกษาถึงปัจจัยการเจริญพันธุ์ที่ส่งผลต่อจุลินทรีย์ในช่องคลอด เรื่อง Fertility factors affect the vaginal microbiome in women of reproductive age ที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Reproductive Immunology ปี 2020 โดยได้ทำการศึกษาผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์จำนวน 85 คน ที่ต้องการมีบุตร เพื่อหาปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ ระดับฮอร์โมนทางเพศ ท่อนำไข่ และค่า pH ในช่องคลอด ว่าส่งผลต่อระบบนิเวศในช่องคลอดอย่างไร พบว่าผู้หญิงที่มีปัญหาท่อนำไข่อุดตัน มีรอบเดือนห่าง มีจำนวนไข่ในรังไข่มากกว่า 15 ฟอง หรือมีค่าความเป็น กรด-ด่างในช่องคลอดมากกว่า 4.5 มักมีจำนวนแบคทีเรียชนิดอีโคไล (Escherichia coli) ในช่องคลอดจำนวนมากซึ่งส่งผลให้ช่องคลอดเกิดการอักเสบ
มีการศึกษาพบว่า โพรไบโอติกส์ กลุ่ม Lactobacillus สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ส่งผลให้ช่องคลอดอักเสบได้ อ้างอิงงานวิจัยเรื่อง Effect of Lactobacillus rhamnosus and Lactobacillus acidophilus on bacterial vaginal pathogen ที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Immunopathology and Pharmacology ปี 2017 ที่ได้ทำการศึกษาถึงสรรพคุณของโพรไบโอติกส์สองสายพันธุ์ที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านจุลชีพหรือแบคทีเรียในช่องคลอด ได้แก่ สายพันธุ์ Lactobacillus rhamnosus HN001 และสายพันธุ์ Lactobacillus acidophilus La-14 โดยทำการทดสอบจากการเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้ช่องคลอดอักเสบทั้งชนิด E.coli และ S.aureus โดยใส่โพรไบโอติกส์ทั้งสองชนิดในการเพาะเชื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียจากการฟักตัวและเจริญเติบโตได้ 100%
“อย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพภายในสตรีรวมถึงการรักษาสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอดเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง ป้องกันช่องคลอดอักเสบ และโรคที่ซับซ้อนของโรคทางสูติเวช และภาวะมีบุตรยากสำหรับผู้ที่วางแผนเตรียมตั้งครรภ์ โดยควรดูแลและป้องกันทั้งปัจจัยภายนอก เรื่องการดูแลความสะอาด และการสวมใส่กางเกงที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดรูปจนเกินไป และเปลี่ยนแผ่นรองอนามัยหรือผ้าอนามัยบ่อยครั้ง รวมถึงปัจจัยภายในโดยการเสริมโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ที่พบในระบบภายในสตรีและช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีสายพันธุ์ที่มีการทดสอบและได้รับการรับรองผลการวิจัยมาแล้วว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพได้จริงที่โดดเด่น 2 กลุ่ม คือ โพรไบโอติกส์กลุ่ม Bifidobacterium โดยเฉพาะสายพันธุ์ Bifidobacterium lactis (HN019) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโดยรวม และ โพรไบโอติกส์กลุ่ม Lactobacillus โดยเฉพาะ สายพันธุ์ Lactobacillus rhamnosus HN001 และ Lactobacillus acidophilus La-14 ที่มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบในช่องคลอดได้
Ref:
Effects of Lactobacillus rhamnosus and Lactobacillus acidophilus on bacterial vaginal pathogens
วิธีการดูแลจุดซ้อนเร้นด้วยตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดี :
ทำความสะอาด-ไม่ให้อับชื้น :
- ใช้น้ำเปล่าล้าง หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำความสะอาดทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ
- หลังจากล้างน้ำแล้ว ควรซับให้แห้ง ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการอับชื้น
- อย่าปล่อยให้เป้ากางเกงในเปียก พยายามซับให้แห้งทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
- เมื่อมีประจำเดือนให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ และล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ
- ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันผู้อื่น และซักทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
- ทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครกทุกครั้งก่อนใช้ห้องน้ำ
ป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- ถ้ามีเพศสัมพันธ์ สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี ***
- เมื่อมีอาการไม่พึ่งประสงค์ของช่องคลอด ปรึกษาสูตินารีแพทย์
สูตรมาตรฐาน :
- Amino Acid+SC –10+ Honey Extract สั่งขั้นต่ำที่ 300kg. ราคา 350bath/kg.
สั่งซื้อขนาดทดลอง 500ml. ราคา 350บาท
สูตร 2024 :
- PROBIOTIC + PREBIOTIC (ติดต่อเรา)
ปรึกษาผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ้อนเร้นได้ที่ :
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ